วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ไฮเปอร์เท็กซ์(Hypertext)

ไฮเปอร์เท็กซ์(Hypertext)
“ ไฮเปอร์เท็กซ์ ” หมายถึง การผสมผสานระหว่างข้อความหรือภาษาธรรมชาติกับกระบวนการทางคอมพิวเตอร์ อาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า “ ไฮเปอร์เท็กซ์ ” หมายถึง ข้อความหรือกลุ่มของข้อความที่ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันโดยมีการนำเสนอแบบปฏิสัมพันธ์ โดยการนำข้อความที่ใช้มาเป็นจุดเชื่อมโยง ซึ่งจะมีลักษณะเด่นกว่าข้อความอื่น เช่น การขีดเส้นใต้ การเน้นด้วยสี ตัวหนาหรือตัวเอียง เป็นต้น


ไฮเปอร์เท็กซ์ได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาก่อนที่ Blaise pascal นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส จะคิดเครื่องบวกลบเลข
ปี ค . ศ .1965 ภายหลังการคิดค้นคอมพิวเตอร์ ได้มีการนำเครื่องมือ MEMEX (Memory Extender) มาประยุกต์ใช้กับคอมพิวเตอร์ โดยนำข้อความมาเชื่อมโยงระหว่างกัน เรียกว่า”ไฮเปอร์เท็กซ์”
ปี ค . ศ .1985 บ . ซีรอกซ์ ได้คิดค้นวิธีการเชื่อมโยงไฮเปอร์เท็กซ์แบบใหม่โดยสามารถนำภาพมาประกอบการเชื่อมโยงได้ด้วย

แบบจำลองระบบไฮเปอร์เท็กซ์
แบบจำลองของระบบไฮเปอร์เท็กซ์อธิบายถึงลักษณะและขอบเขตของงานที่ได้ออกแบบไว้ ส่วนใหญ่แบบจำลองจะอธิบายถึงสัมพันธ์ระหว่างลิงค์ ( Links ) กับ โหนด ( Node ) ซึ่งแสดงได้ดังรูป
Node Node Node Link Link Link

องค์ประกอบของระบบไฮเปอร์เท็กซ์
  • พอยต์ ( Point ) หมายถึง กลุ่มคำ หรือ วลี ที่เป็นข้อความพิเศษที่แสดงว่ามีการเชื่อมโยงเกิดขึ้น เช่น การขีดเส้นใต้ การเน้นด้วยสีหรือตัวหนา เพื่อทำให้รู้ว่าเป็น พอยต์ เมื่อผู้อ่านเลื่อนเคอร์เซอร์มาถึงพอยต์ เคอร์เซอร์จะเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์อื่น เช่น รูปมือ
  • โหนด ( Node ) หมายถึง กลุ่มคำของข้อมูลที่สัมพันธ์กันหรือเป็นเรื่องเดียวกันซึ่งถูกจัดไว้เป็นกลุ่มเดียว ซึ่งภายในโหนดนั้นอาจมีพอยต์อยู่มากกว่าหนึ่งพอยต์ก็ได้ ความยาวของโหนดนั้นไม่สามารถระบุตายตัวได้ โหนดหนึ่งโหนด อาจเปรียบเทียบได้กับเนื้อหาข้อมูลที่เขียนขึ้นมาอยู่บนกระดาษแผ่นเดียวกัน
  • ลิงค์ ( Link ) หมายถึง การเชื่อมโยงเอกสารจากต้นทางไปปลายทาง จำแนกลิงค์ออกได้เป็น 3 ชนิด ประกอบด้วย
ลิงค์ชนิดอ้างถึง ( Referential Link )
ใช้สำหรับเชื่อมโยงโดยอ้างถึงโดยตรงระหว่างจุดสองจุด ตัวอย่างเช่น ปุ่มที่มี
ข้อความลิงค์ไปข้างหน้า ( Forward ) หรือย้อนกลับ ( Backward )
ลิงค์ชนิดแผนภูมิ ( Organization Link )
มีความคล้ายคลึงกับลิงค์ชนิดอ้างถึงจะแตกต่างกันที่เป็นการเชื่อมโยงระหว่างโหนดด้วยกันในลักษณะที่
เป็นโครงสร้างไฮราคี่
ลิงค์ชนิดคีย์เวิร์ด ( Keyword Link )
เป็นการนำกลุ่มคำหรือวลีต่างๆ ที่มีความหมายและสัมพันธ์ระหว่างกันมาเชื่อมโยงด้วยวิธีการเดียวกับการลิงค์ชนิดอ้างถึงหรือแผนภูมิ

โครงสร้างของ Hypertext แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
(1) ชนิดที่มีโครงสร้างแน่นอน ( Structured Hypertext ) แบ่งย่อยเป็น 2 ชนิด ได้แก่
โครงสร้างชนิดเรียงลำดับ ( Sequential Structured Hypertext ) จะมีการจัดเรียงเนื้อหาไว้อย่างเป็น
ระเบียบ ดังนั้นการจะเข้าถึงข้อมูล ต้องผ่านโหนดที่อยู่ก่อนตามลำดับ
โครงสร้างชนิดจดหมาย ( Structured Hypertext for Mail ) ผู้ออกแบบต้องวิเคราะห์เนื้อหาอย่างละเอียด และจัดความสัมพันธ์ของเนื้อหาทั้งหมด และมีการกำหนดโหนดหลักและโหนดที่เป็นส่วนขยายด้วย

(2) ชนิดที่ไม่มีโครงสร้างที่แน่นอน ( Unstructured Hypertext )
เป็นการเชื่อมโยงโหนดในลักษณะของการสุ่มจากโหนดหนึ่งไปยังโหนดอื่นๆ ภายในโหนดจะมีการจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ

โครงสร้างไฮราคี่ ( Hierarchies Structure )
โครงสร้างไฮราคี่ เป็นการผสมผสานของโครงสร้างระบบไฮเปอร์เท็กซ์ 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ ชนิดที่ไม่มีโครงสร้าง
ที่แน่นอนกับชนิดที่มีโครงสร้างแน่นอน โดยใช้หลักการเดียวกันกับระบบการจัดการฐานข้อมูล ( DBMS: ) โดยการ
รวบรวมเนื้อหาทั้งหมดแล้วแตกออกเป็นเนื้อหาย่อยเป็น แบบโครงสร้างต้นไม้ ( Tree Diagram )
แบ่งย่อยเป็น 3 ประเภทได้แก่
ชนิดจำกัดความสัมพันธ์ ( Strict Hierarchy )
ชนิดไม่จำกัดความสัมพันธ์ ( Compromised Hierarchy )
ชนิดซ้อน ( Overlapping Hierarchy )

ประโยชน์ของระบบไฮเปอร์เท็กซ์
ประโยชน์ของระบบไฮเปอร์เท็กซ์ นอกจากจะสามารถบริหารจัดการ เชื่อมโยง และติดต่อข้อมูลเพื่อสื่อความหมายอย่างมีปฏิสัมพันธ์ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และยังสามารถทำให้ผู้ใช้เลือกใช้เส้นทางที่สะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะไปข้างหน้าหรือย้อนกลับในเส้นทางเดิมได้ และยังสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวกและรวดเร็วทั้งนี้เนื่องจากการทำงานของระบบไฮเปอร์เท็กซ์จะมีการเชื่อมโยงที่ไม่เป็นในแนวเส้นตรง เป็นต้น
ปัญหาและแนวทางแก้ไขระบบไฮเปอร์เท็กซ์

ปัญหาที่เกี่ยวกับระบบไฮเปอร์เท็กซ์ 
ส่วนใหญ่ที่พบมักจะเกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานที่มักจะหลงทางเข้าไปติดอยู่ในวังวน และการแสดงผลของข้อมูลที่พบเจอนั้นมีมากจนเกินไป โดยเฉพาะกับระบบที่ได้ออกแบบไว้ยังไม่ดีพอ
ดังนั้นแนวทางแก้ไข คือการค้นหาวิธีการดัดแปลงให้เหมาะสมกับการนำเสนอข้อมูล ( Presentation ) การนำทาง ( Navigation ) เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการทำงานได้อย่างอิสระและมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น โดยเรียกวิธีการนี้ว่า ( Adaptive Hypertext/ Hypermedia Systems )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น