วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ไฮเปอร์เท็กซ์(Hypertext)

ไฮเปอร์เท็กซ์(Hypertext)
“ ไฮเปอร์เท็กซ์ ” หมายถึง การผสมผสานระหว่างข้อความหรือภาษาธรรมชาติกับกระบวนการทางคอมพิวเตอร์ อาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า “ ไฮเปอร์เท็กซ์ ” หมายถึง ข้อความหรือกลุ่มของข้อความที่ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันโดยมีการนำเสนอแบบปฏิสัมพันธ์ โดยการนำข้อความที่ใช้มาเป็นจุดเชื่อมโยง ซึ่งจะมีลักษณะเด่นกว่าข้อความอื่น เช่น การขีดเส้นใต้ การเน้นด้วยสี ตัวหนาหรือตัวเอียง เป็นต้น


ไฮเปอร์เท็กซ์ได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาก่อนที่ Blaise pascal นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส จะคิดเครื่องบวกลบเลข
ปี ค . ศ .1965 ภายหลังการคิดค้นคอมพิวเตอร์ ได้มีการนำเครื่องมือ MEMEX (Memory Extender) มาประยุกต์ใช้กับคอมพิวเตอร์ โดยนำข้อความมาเชื่อมโยงระหว่างกัน เรียกว่า”ไฮเปอร์เท็กซ์”
ปี ค . ศ .1985 บ . ซีรอกซ์ ได้คิดค้นวิธีการเชื่อมโยงไฮเปอร์เท็กซ์แบบใหม่โดยสามารถนำภาพมาประกอบการเชื่อมโยงได้ด้วย

แบบจำลองระบบไฮเปอร์เท็กซ์
แบบจำลองของระบบไฮเปอร์เท็กซ์อธิบายถึงลักษณะและขอบเขตของงานที่ได้ออกแบบไว้ ส่วนใหญ่แบบจำลองจะอธิบายถึงสัมพันธ์ระหว่างลิงค์ ( Links ) กับ โหนด ( Node ) ซึ่งแสดงได้ดังรูป
Node Node Node Link Link Link

องค์ประกอบของระบบไฮเปอร์เท็กซ์
  • พอยต์ ( Point ) หมายถึง กลุ่มคำ หรือ วลี ที่เป็นข้อความพิเศษที่แสดงว่ามีการเชื่อมโยงเกิดขึ้น เช่น การขีดเส้นใต้ การเน้นด้วยสีหรือตัวหนา เพื่อทำให้รู้ว่าเป็น พอยต์ เมื่อผู้อ่านเลื่อนเคอร์เซอร์มาถึงพอยต์ เคอร์เซอร์จะเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์อื่น เช่น รูปมือ
  • โหนด ( Node ) หมายถึง กลุ่มคำของข้อมูลที่สัมพันธ์กันหรือเป็นเรื่องเดียวกันซึ่งถูกจัดไว้เป็นกลุ่มเดียว ซึ่งภายในโหนดนั้นอาจมีพอยต์อยู่มากกว่าหนึ่งพอยต์ก็ได้ ความยาวของโหนดนั้นไม่สามารถระบุตายตัวได้ โหนดหนึ่งโหนด อาจเปรียบเทียบได้กับเนื้อหาข้อมูลที่เขียนขึ้นมาอยู่บนกระดาษแผ่นเดียวกัน
  • ลิงค์ ( Link ) หมายถึง การเชื่อมโยงเอกสารจากต้นทางไปปลายทาง จำแนกลิงค์ออกได้เป็น 3 ชนิด ประกอบด้วย
ลิงค์ชนิดอ้างถึง ( Referential Link )
ใช้สำหรับเชื่อมโยงโดยอ้างถึงโดยตรงระหว่างจุดสองจุด ตัวอย่างเช่น ปุ่มที่มี
ข้อความลิงค์ไปข้างหน้า ( Forward ) หรือย้อนกลับ ( Backward )
ลิงค์ชนิดแผนภูมิ ( Organization Link )
มีความคล้ายคลึงกับลิงค์ชนิดอ้างถึงจะแตกต่างกันที่เป็นการเชื่อมโยงระหว่างโหนดด้วยกันในลักษณะที่
เป็นโครงสร้างไฮราคี่
ลิงค์ชนิดคีย์เวิร์ด ( Keyword Link )
เป็นการนำกลุ่มคำหรือวลีต่างๆ ที่มีความหมายและสัมพันธ์ระหว่างกันมาเชื่อมโยงด้วยวิธีการเดียวกับการลิงค์ชนิดอ้างถึงหรือแผนภูมิ

โครงสร้างของ Hypertext แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
(1) ชนิดที่มีโครงสร้างแน่นอน ( Structured Hypertext ) แบ่งย่อยเป็น 2 ชนิด ได้แก่
โครงสร้างชนิดเรียงลำดับ ( Sequential Structured Hypertext ) จะมีการจัดเรียงเนื้อหาไว้อย่างเป็น
ระเบียบ ดังนั้นการจะเข้าถึงข้อมูล ต้องผ่านโหนดที่อยู่ก่อนตามลำดับ
โครงสร้างชนิดจดหมาย ( Structured Hypertext for Mail ) ผู้ออกแบบต้องวิเคราะห์เนื้อหาอย่างละเอียด และจัดความสัมพันธ์ของเนื้อหาทั้งหมด และมีการกำหนดโหนดหลักและโหนดที่เป็นส่วนขยายด้วย

(2) ชนิดที่ไม่มีโครงสร้างที่แน่นอน ( Unstructured Hypertext )
เป็นการเชื่อมโยงโหนดในลักษณะของการสุ่มจากโหนดหนึ่งไปยังโหนดอื่นๆ ภายในโหนดจะมีการจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ

โครงสร้างไฮราคี่ ( Hierarchies Structure )
โครงสร้างไฮราคี่ เป็นการผสมผสานของโครงสร้างระบบไฮเปอร์เท็กซ์ 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ ชนิดที่ไม่มีโครงสร้าง
ที่แน่นอนกับชนิดที่มีโครงสร้างแน่นอน โดยใช้หลักการเดียวกันกับระบบการจัดการฐานข้อมูล ( DBMS: ) โดยการ
รวบรวมเนื้อหาทั้งหมดแล้วแตกออกเป็นเนื้อหาย่อยเป็น แบบโครงสร้างต้นไม้ ( Tree Diagram )
แบ่งย่อยเป็น 3 ประเภทได้แก่
ชนิดจำกัดความสัมพันธ์ ( Strict Hierarchy )
ชนิดไม่จำกัดความสัมพันธ์ ( Compromised Hierarchy )
ชนิดซ้อน ( Overlapping Hierarchy )

ประโยชน์ของระบบไฮเปอร์เท็กซ์
ประโยชน์ของระบบไฮเปอร์เท็กซ์ นอกจากจะสามารถบริหารจัดการ เชื่อมโยง และติดต่อข้อมูลเพื่อสื่อความหมายอย่างมีปฏิสัมพันธ์ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และยังสามารถทำให้ผู้ใช้เลือกใช้เส้นทางที่สะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะไปข้างหน้าหรือย้อนกลับในเส้นทางเดิมได้ และยังสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวกและรวดเร็วทั้งนี้เนื่องจากการทำงานของระบบไฮเปอร์เท็กซ์จะมีการเชื่อมโยงที่ไม่เป็นในแนวเส้นตรง เป็นต้น
ปัญหาและแนวทางแก้ไขระบบไฮเปอร์เท็กซ์

ปัญหาที่เกี่ยวกับระบบไฮเปอร์เท็กซ์ 
ส่วนใหญ่ที่พบมักจะเกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานที่มักจะหลงทางเข้าไปติดอยู่ในวังวน และการแสดงผลของข้อมูลที่พบเจอนั้นมีมากจนเกินไป โดยเฉพาะกับระบบที่ได้ออกแบบไว้ยังไม่ดีพอ
ดังนั้นแนวทางแก้ไข คือการค้นหาวิธีการดัดแปลงให้เหมาะสมกับการนำเสนอข้อมูล ( Presentation ) การนำทาง ( Navigation ) เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการทำงานได้อย่างอิสระและมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น โดยเรียกวิธีการนี้ว่า ( Adaptive Hypertext/ Hypermedia Systems )

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา

โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media)

     เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคำถามคำตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยนี้ ถือว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ไม่ใช่เป็นครูผู้สอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบ Online ให้นักเรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้
     โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสาขาคอมพิวเตอร์ วิชาคณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ วิชาสังคม วิชาชีพอื่น ๆ ฯลฯ โดยนักเรียนอาจคัดเลือกหัวข้อที่นักเรียนทั่วไปที่ทำความเข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาโปรแกรมบทเรียน ตัวอย่างเช่น โปรแกรมสอนวิธีการใช้งาน ระบบสุริยะจักรวาล โปรแกรมแบบทดสอบวิชาต่าง ๆ

Marble (โปรแกรมแผนที่ ศึกษาภูมิศาสตร์ ด้านการศึกษา)
ดาวน์โหลดโปรแกรมแผนที่ Marble เหมือน Google Earth แต่เน้นด้าน การศึกษา ให้คุณดู แผนที่โลก ให้ดูกันในหลายๆ มุม เน้นด้านการศึกษาหาความรู้ ด้านอากาศ ภูมิศาสตร์ ฯลฯ แจกฟรีจ้า 

ConvertAll (โปรแกรม ConvertAll แปลงหน่วย สารพัดประโยชน์)


ดาวน์โหลดโปรแกรม ConvertAll แปลงหน่วยต่างๆ กว่า 500 หน่วย ทั้งหน่วยเวลา พื้นที่ น้ำหนัก ระยะทาง วันเวลา อุณหภูมิ ใครต้องการ โปรแกรมแปลงหน่วยดีๆ โหลด ConvertAll ไปใช้เลย 


ตัวอย่าง รูปเล่มโครงงานคอมพิวเตอร์


วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ตัวอย่างโครงงานคอม

ตัวอย่างโครงงานคอม โปรเเกรมประยุคต์
ธนาคารความดี

ชื่อโครงการ
โครงงานคอมพิวเตอร์ โปรแกรมประยุกต์ธนาคารความดี

โครงงานโปรแกรมธนาคารความดีนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการบันทึกข้อมูลนักเรียน เพิ่มคะแนนความดี หักคะแนนความประพฤติของนักเรียน และผลของการใช้โปรแกรมบันทึกข้อมูลนี้กับธนาคารความดี ก็เป็นที่น่าพอใจมากกว่าการบันทึกความดีที่เป็นสมุดรูปเล่ม ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งต้องใช้กระดาษเป็นจำนวนมากในการทำเป็นสมุดบันทึกคะแนนความดีให้นักเรียนทุกคนในโรงเรียนซึ่งมีจำนวน 1431 คน อีกทั้งการพกพาสมุดนั้นทำให้เกิดการสูญหายได้ และเกิดการชำรุดได้ง่าย การหาวิธีที่จะใช้กระดาษให้น้อยลงจึงเป็นทางเลือกที่ดี ดังนั้นโปรแกรมธนาคารความดีนี้จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ดีกว่ารูปเล่มบันทึกแบบเดิม ความคิดในการพัฒนาโปรแกรมธนาคารความดีนี้ได้ถูกคิดต่อยอดจากโปรแกรมเดิมที่มีคุณสมบัติไม่ดีเท่าโปรแกรมตัวใหม่ ทางคณะผู้จัดทำได้นำโปรแกรมมาศึกษาและดัดแปลง ปรับปรุง เพิ่มเติมในส่วนที่นักเรียนกลุ่มก่อนได้ทำไว้แต่ยังไม่ดีนัก โดยเริ่มจากการวางแผนเค้าโครงโปรแกรม คิดหาสูตรที่ใช้ในการพัฒนาโปรแกรมธนาคารความดี ออกแบบฐานข้อมูลโดยใช้โปรแกรม Microsoft Access 2003 ออกแบบเมนูหลักต่างๆที่จำเป็นต่อการใช้งาน เช่น รายการเพิ่มคะแนนความดี รายการหักคะแนนความประพฤติ รายงานคะแนนแบบห้อง หรือแม้แต่ระดับบุคคล และยังสามารถมีประโยชน์ในการใช้งานจริง แล้วจึงมาสร้างในโปรแกรม Microsoft Visual Basic 6.0 โดยเริ่มจากการสร้างเมนูหลัก เพิ่มเมนูย่อยอีกหลายรายการเพื่อสะดวกแก่การเก็บหลักฐานพฤติกรรมของนักเรียนที่เป็นสมาชิกภายในโรงเรียน ข้อมูลภายในโปรแกรมธนาคารความดียังสามารถ เพิ่ม ลบ หรือแก้ไข ข้อมูลสมาชิกหรือข้อมูลต่างๆภายในโปรแกรมได้ ข้อมูลและหลักฐานต่างๆที่ถูกบันทึกในโปรแกรมยังสามารถเก็บเป็นหลักฐาน และรายงานเพื่อส่งต่อให้ฝ่ายปกครองพิจารณาต่อไปได้อีกด้วย โปรแกรมธนาคารความดีนี้จึงเป็นโปรแกรมที่สามารถลดภาระของครูผู้บริหารเกี่ยวกับการควบคุม ดูแลความประพฤติของนักเรียนได้โดยไม่ต้องเพิ่งการตรวจสอบที่ยุ่งยากเหมือนแต่ก่อน ลดขั้นตอนการดูแลได้ในโปรแกรมเดียว และยังสามารถประยุกต์พัฒนาโปรแกรมนี้เพื่อประโยชน์แก่กิจกรรมทางการเรียนของนักเรียนได้อีกด้วย

1.วัตถุประสงค์หลัก

เพื่อให้เด็กๆรุ่นหลังได้รู้จักการเก็บออมเงินไว้ใช้ในอนาคตในรูปเเบบที่ทันสมัย

2.อุปกรณ์ที่ใช้

คอมพิวเตอร์ เเฟลทไดร์ฟ

3.โปรเเกรมที่ใช้

Microsoft Access 2003

4.ประโยชน์

เด็กๆมีเงินเก็บออมไว้ใช้ได้สะดวกขึ้น



วัน/เดือน/ปี ทำโครงงาน 1ม.ค.2541
1 ม.ค. 2541

วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557

การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต


อินเทอร์เน็ต คือ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก โดยจะเป็นการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องจากทั่วโลกมาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ซึ่งช่วยให้สามารถติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ทั่วโลก ในการติดต่อกันระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ จำเป็นต้องมีการระบุว่า ส่งมาจากไหน ส่งไปให้ใครซึ่งต้องมีการระบุ ชื่อเครื่อง (คล้ายกับเลขที่บ้าน) ในอินเทอร์เน็ตใช้ข้อตกลงในการติดต่อที่เรียกว่า TCP/IP (ข้อตกลงที่ทำให้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันได้) ซึ่งจะใช้สิ่งที่เรียกค่า “ไอพี-แอดเดรส” (IP-Address) ในการระบุชื่อเครื่องจะไม่มีเบอร์ที่ซํ้ากันได้

การเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานเป็นสำคัญ เช่นใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลที่บ้าน ใช้ในเชิงธุรกิจ ใช้เพื่อความบันเทิง หรือใช้ภายในองค์กรขนาดใหญ่ ดังนั้นการเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตจึงมีความแตกต่างกันซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านความต้องการ รวมทั้งเงินทุนที่จะใช้ในการติดตั้งระบบด้วย ปัจจุบันการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่นิยมใช้มี 5 ลักษณะ คือ
1. การเชื่อมต่อแบบ Dial Up

          เป็นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่เคยได้รับความนิยมในยุคแรก ๆ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์บุคคล กับสายโทรศัพท์บ้านที่เป็นสายตรงต่อเชื่อมเข้ากับโมเด็ม (Modem) ก็สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้แล้ว ผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตต้องทำการติดต่อกับผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านหมายเลขโทรศัพท์บ้าน โดยผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจะกำหนดชื่อผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) มให้เพื่อเข้าใช้บริการอินเตอร์เน็ต 



2.การเชื่อมต่อแบบ ISDN?(Internet Services Digital Network) 
        เป็นการเชื่อมต่อที่คล้ายกับแบบ Dial Up เพราะต้องใช้โทรศัพท์และโมเด็มในการเชื่อมต่อ ต่างกันตรงที่ระบบโทรศัพท์เป็นระบบความเร็วสูงที่ใช้เทคโนโลยีระบบดิจิตอล (Digital) และต้องใช้โมเด็มแบบ ISDN Modem ในการเชื่อมต่อ ดังนั้นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบ ISDN จะต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ คือ 

ต้องติดต่อผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ISP) ที่ให้บริการการเชื่อมต่อแบบ ISDN 
การเชื่อมต่อต้องใช้ ISDN Modem ในการเชื่อมต่อ 
ต้องตรวจสอบว่าสถานที่ที่จะใช้บริการนี้ อยู่ในอาณาเขตที่ใช้บริการ ISDN ได้หรือไม่ 




3.การเชื่อมต่อแบบ DSL?(Digital Subscriber Line)
         เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงโดยใช้สายโทรศัพท์ธรรมดา ที่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตและพูดผ่านสายโทรศัพท์ปกติได้ในเวลาเดียวกัน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ตแบบ DSL ก็คือ 

ต้องตรวจสอบว่าสถานที่ที่ติดตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ให้บริการระบบโทรศัพท์แบบ DSL หรือไม่ 
บัญชีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตในแบบ DSL 
การเชื่อมต่อต้องใช้ DSL Modem ในการเชื่อมต่อ 
ต้องติดตั้ง Ethernet Adapter Card หรือ Lan Card ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย


4.การเชื่อมต่อแบบ Cable 
         เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยผ่านสายสื่อสารเดียวกับ Cable TV จึงทำให้เราสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไปพร้อม ๆ กับการดูทีวีได้ โดยต้องจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติม คือ 

ใช้ Cable Modem เพื่อเชื่อมต่อ 
ต้องติดตั้ง Ethernet Adapter Card หรือ Lan Card ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย 


5.การเชื่อมต่อแบบดาวเทียม (Satellites) 
         เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ระบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันเรียกว่า Direct Broadcast Satellites หรือ DBS โดยผู้ใช้ต้องจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติม คือ 

จานดาวเทียมขนาด 18-21 นิ้ว เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวรับสัญญาณจากดาวเทียม 
ใช้ Modem เพื่อเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต



























































วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

อุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยใหม่


Projector Cell Phone Concept






แนวคิดมือถือติดโปรเจคเตอร์แนวคิดมือถือโทรศัพท์มือถือที่ต้องการเป็นมากกว่ามือถือธรรมดา เป็นแนวคิดสมาร์ทโฟนขนาดบางเฉียบ ติดโปรเจคเตอร์หรือเครื่องฉายภาพ (Projector Concept) ไว้ ตรงกลางของตัวเครื่องรอยต่อระหว่างจอแสดงผลที่สามารถหมุนขึ้นได้กับแผงปุ่ม กด ผู้ใช้สามารถส่งภาพในโทรศัพท์ออกไปยังฉากหรือผนังเพื่อรับชมภาพในขนาดใหญ่ ได้
 


ผลงานการออกแบบของ Stefano Casanova

ที่มา

วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557

อุปกรณ์พื้นฐานคอมพิวเตอร์


RAM
RAM (แรม) ย่อมาจาก Random Access Memory
RAM คือหน่วยความจำหลักของคอมพิวเตอร์ มีความสำคัญมากต่อประสิทธิภาพการทำงานและความเร็วในการทำงานโดยรวมของคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่รับข้อมูลและชุดคำสั่งของโปรแกรมต่างๆ เพื่อส่งไปให้ CPU (Central Processing Unit) ซึ่งเปรียบเสมือนสมองของคอมพิวเตอร์ให้ประมวลผลข้อมูลตามต้องการ ก่อนจะแสดงผลการประมวลที่ได้ออกมาทางหน้าจอแสดงผล (Monitor) นั่นเอง
RAM จะทำหน้าที่เก็บชุดคำสั่งและข้อมูลที่ระบบคอมพิวเตอร์กำลังทำงานอยู่ ทั้งในแบบของ Input และ Output โดยการเข้าถึงข้อมูลของ RAM นั้น จะเป็นการเข้าถึงแบบสุ่ม หรือ Random Access ซึ่งหมายถึงโปรเซสเซอร์สามารถเข้าถึงทุกๆส่วนของหน่วยความจำหรือพื้นที่เก็บข้อมูลได้โดยตรง เพื่อเพิ่มความเร็วในการทำงานและการรับ-ส่งข้อมูล

                                                                                                                 ROM

                                                                                  รอม (Read Only Memory: ROM) 

เป็นหน่วยความจำแบบสารกึ่งตัวนำชั่วคราวชนิดอ่านได้อย่างเดียว ใช้เป็นสื่อบันทึกในคอมพิวเตอร์ เพราะไม่สามารถบันทึกซ้ำได้ (อย่างง่ายๆ) เป็นหน่วยความจำที่มีซอฟต์แวร์หรือข้อมูลอยู่แล้ว และพร้อมที่จะนำมาต่อกับไมโครโพรเซสเซอร์ได้โดยตรง หน่วยความจำประเภทนี้แม้ไม่มีไฟเลี้ยงต่ออยู่ ข้อมูลก็จะไม่หายไปจากหน่วยความจำ (nonvolatile) โดยทั่วไปจะใช้เก็บข้อมูลที่ไม่ต้องมีการแก้ไขอีกแล้วเช่น
·         เก็บโปรแกรมไบออส (Basic Input output System : BIOS) หรือเฟิร์มแวร์ ที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์
·         ใช้เก็บโปรแกรมการทำงานสำหรับเครื่องคิดเลข
·         ใช้เก็บโปรแกรมของคอมพิวเตอร์ที่ทำงานเฉพาะด้าน เช่น ในรถยนต์ที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมวงจร ควบคุมในเครื่องซักผ้า เป็นต้น
ที่มา http://www.oknation.net/blog/patumnafang/2012/08/28/entry-2

ประเภทของระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ

ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร (Executive Information Systems-EIS, Executive Support Systems -ESS)
ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง (อังกฤษ: Executive information system: EIS) เป็นประเภทหรือส่วนย่อยจาก ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support Systems) มีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกและสนับสนุนข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูง โดยเป็นข้อมูลที่มีองค์ประกอบทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายทางกลยุทธ์นโยบาย ยุทธวิธี ปัญหาเฉพาะหน้า และการควบคุม

ระบบสารสนเทศสำหรับกลุ่มบุคคลในการตัดสินใจ (Group Decision Support Systems-GDSS)หน้าจ
GDSS เป็นระบบสารสนเทศประเภทหนึ่งของ DSS ซึ่งมีลักษณะเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะโต้ตอบได้ (interactive) ในการสนับสนุนงานแก้ไขปัญหาที่ไม่มีโครงสร้าง สำหรับผู้ตัดสินใจที่ทำงานกันเป็นกลุ่ม (De Santi & Gallespe, 1987) เป้าหมายของ GDSS คือการปรับปรุงประสิทธิภาพการประชุมและการตัดสินใจ หรือทั้งสองอย่าง โดยการช่วยสนับสนุนการแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นภายในกลุ่ม ช่วยกระตุ้นความคิด ระดมความคิด และการแก้ปัญหาความขัดแย้ง

ความแตกต่าง
DSS = เน้นการตัดสินใจแบบกึ่งโครงสร้าง (Semi structured decision making) มีการใช้ข้อมูลข่าวสารจากระบบ MIS และข้อมูลจากภายนอกบางส่วนมาช่วยในการปรับปรุง หรือ กำหนดแผนงานที่จะต้องสนองเป้าหมายหลักขององค์กรให้มากที่สุด เช่น ระบบ Data miming เป็นต้น

EIS = เน้นการตัดสินใจแบบไร้โครงสร้าง (Unstructured decision making) จุดมุ่งหมายของระบบ EIS คือ ช่วยให้ผู้บริหารมองเห็นแนวทาง ความเป็นไปที่เป็นมา และกำลังจะมีแนวโน้มไปทางใด เพื่อให้สามารถกำหนดนโยบาย เป้าหมาย หลักๆ ขององค์กรให้สามารถธำรงองค์กรไว้ได้ แข่งขันกับคู่แข่งขันได้อย่างดี ตัวอย่างเช่นระบบ วางแผนกลยุทธ์ Strategic planning เป็นต้น จะเป็นมาตรการสิ่งที่ได้จากการตัดสินใจของผู้บริหารชั้นสูงที่ใช้สั่งการไปสู่ผู้บริหารระดับกลาง เพื่อปรับแผนงานและกระทบถึงผู้บริหารระดับต้น เพื่อปฏิบัติตามแผนงาน ใหม่ต่อไป

ที่มา 
http://elearning.northcm.ac.th/mis/content.asp?ContentID=74&LessonID=10
http://stangkht.blogspot.com/2013/06/eis-gdss.html
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ระบบสารสนเทศ

ความหมาย
ระบบสารสนเทศ ก็คือ ระบบของการจัดเก็บ ประมวลผลข้อมูล โดยอาศัยบุคคลและเทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินการ เพื่อให้ได้สารสนเทศที่เหมาะสมกับงานหรือภารกิจแต่ละอย่าง 
ตัวอย่าง
การซื้อสินค้าออนไลน์
1.) เลือกสินค้าที่ต้องการจะสั่งซื้อโดยคลิกเข้าไปในตัวสินค้าที่ต้องการ จากนั้นให้หยิบใส่ตระกร้าโดยจะมีเครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์
คลิ๊กที่  สั่งซื้อสินค้า
2.) จากนั้นกรอกชื่อที่อยู่ เบอร์โทร แล้วกด ยืนยันการสั่งซื้อ คลิ๊ก หยิบใส่ตระกร้าสินค้า
3.) หลักจากที่กรอกรายละเอียด จำนวนสินค้าครบแล้ว ในรายการสินค้า สามารถเพิ่ม-ลบจำนวนสินค้าได้นะค่ะ เมื่อแก้ไขรายการเสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมคลิ๊กที่ปุ่มอัพเดตตะกร้าสินค้า      จากนั้นคลิ๊กยืนยันการสั่งซื้อ หรือ กลับไปซื้อต่อ
4.) โปรด จด หรือ จำรหัส หมายเลขคำสั่งซื้อ : 
xxxxxx วันที่สั่งซื้อ : xxxx-xx-xxเวลา : 00:00:00 และ รหัสลูกค้า : xxxxx หรือสามารถ เข้าไปเช็คได้ที่กล่องจดหมายของคุณจะมีอีเมล์ยืนยันการสั่งซื้อส่งไปให้
5.) เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้ว กรุณาแจ้งการชำระเงินผ่านทางหมายเลขโทรศัพท์ 08
xxxxxxxx
6.) 
จากนั้นรอรับสินค้าได้เลย โดยทางร้านจะส่งวันที่ส่งสินค้า (หลังจากทางร้านเตรวจสอบยอดชำระเงินแล้ว) ภายใน 3-5วัน
ประเภทของระบบสารสนเทศ

1. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (ManagementInformation System : MIS)
               คือระบบที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารที่ต้องการการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้ประโยชน์มากกว่าการ ช่วยงานแบบวันต่อวัน ประกอบไปด้วยโปรแกรมต่างที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อขยายขอบเขตความสามารถของธุรกิจ
 ลักษณะเด่นของ MIS1จะสนับสนุนการทำงานของระบบประมวลผลข้อมูลและการจัดเก็บข้อมูลรายวัน
2  จะช่วย ให้ผู้บริหารระดับต้น ระดับกลาง และระดับสูง เรียกใช้ข้อมูลที่เป็นโครงสร้างได้ตามเวลาที่ต้องการ
3 จะมีความยืดหยุ่นและสามารถรองรับความต้องการข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไปขององค์กร
4 ต้องมีระบบรักษาความลับของข้อมูล และจำกัดการ ใช้งานของบุคคลเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น   

2. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (DecisionSupport System : DSS)
            คือระบบที่ทำหน้าที่จัดเตรียมสารสนเทศเพื่อช่วยในการตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อช่วย ในการตัดสินใจที่ไม่ได้คาดไว้ล่วงหน้า เช่น การตัดสินใจเกี่ยวกับการรวมบริษัทและการหาบริษัทร่วม การขยายโรงงาน ผลิตภัณฑ์ใหม่
 ลักษณะเด่นของ DSS1 จะช่วย ผู้บริหารในกระบวนการการตัดสินใจ                                                                                          
2 จะถูกออกแบบมาให้สามารถเรียกใช้ทั้งข้อมูลแบบ กึ่งโครงสร้างและแบบไม่มีโครงสร้าง           
3 จะต้อง สามารถสนับสนุนผู้ตัดสินใจได้ในทุกระดับ แต่จะเน้น ที่ระดับวางแผนบริหารและวางแผนยุทธศาสตร์                   
4 มีรูปแบบการใช้งานอเนกประสงค์ มีความ สามารถในการจำลองสถานการณ์ และมีเครื่องมือในการ วิเคราะห์
สำหรั